หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

Coro Field ฟาร์ม Organic แห่งใหม่ของไทย

                
(ที่มา : http://www.27begin.com/corofield )

วันนี้เราพาชมฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น ณ ราชบุรีกันค่ะ ซึ่งก็คือ ฟาร์ม Coro Field นั้นเองค่ะ ซึ่ง “Coro Field” ชื่อนี้มีที่มาจากคำว่า คอโรฟิลล์ สารที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น เป็นพลังความมีชีวิตชีวา โดยถูกแยกออกเป็น 2 คำ Coro ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เวลา” Field ก็หมายถึง สนามกว้างโดยที่แห่งนี้ตั้งใจให้ใครก็ตามที่เข้ามาจะมีความสุขไปกับชีวิตที่ช้าลง พร้อมความรู้สึกอิสระในความเป็นตัวคุณ โดยจะตกแต่งในสไตล์มินิมอล คือเรียบง่ายแต่มากด้วยประโยชน์การใช้งาน
                Coro Field เปิดทำการ จ-พฤ: 9.00 - 18.00น. และ ศ-อา: 8.30 - 21.00น. สามารถเข้าชมฟรี มีค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของกิจกรรมเท่านั้นค่ะ โดย Coro Field มีพื้นที่ 104 ไร่ แบ่งการสร้างออกเป็น 4 Phase ซึ่งขณะนี้สร้าง Phase ที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย 4 โซนย่อย คือ Coro Cafe & Market, Coro Me, Coro House และ Coro Garden และกำลังสร้าง Phase ที่ 2 ต่อไป

มาเริ่มที่ Phase ที่ 1 กันก่อนนะ มี 4 โซนย่อย ดังนี้

1. Coro Cafe & Market

โซน Cafe
มีอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ให้เลือกอย่างหลากหลาย เป็นการนำเอาผลผลิต Organic จากฟาร์มที่มีคุณภาพดี มาผสมผสานกับวัตถุดิบชั้นดีอื่น ๆ คิดค้นขึ้นเป็นเมนูสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยเชฟทีมชาติไทย



โซน Market
เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าและผลผลิต Organic จากฟาร์ม ทั้งผลไม้สดและผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ เช่น เมล่อนสายพันธุ์ Hokkaido, มะเขือเทศฮอลแลนด์, แตงโมแอฟริกา, มันเทศญี่ปุ่น, ฟักทองญี่ปุ่น, ผลไม้อบแห้ง, แยมและซอสต่าง ๆ แบบ Homemade ฯลฯ สามารถซื้อกลับไปทาน และเป็นของฝากคนที่คุณรักได้



2. Coro Me




เป็นโซนกิจกรรมออกแบบและตกแต่งต้นไม้อย่างอิสระ ตามความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของตนเอง ซึ่งต้นไม้ที่ใช้ในกิจกรรมนี้ เป็นไม้ประดับที่ปลูกอยู่ในกระถาง Recycle ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ และกระดาษเหลือใช้ต่าง ๆ เป็นวัสดุหลักในการทำกระถาง จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง ตกพื้นไม่แตก และระบายความร้อนได้ดี โซนนี้จะมี Artist คอยให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมด้วย

Adopt
เป็นโซนให้เลือกต้นไม้ที่ชอบ และนำกลับบ้านได้คนละ 1 ต้น เช่น เฟิร์น, บอนไซ, Cactus ฯลฯ พร้อมใบรับอุปถัมภ์ต้นไม้ คนละ 1 แผ่น จากนั้น ให้ตั้งชื่อต้นไม้ ลงชื่อด้านล่าง และตกแต่งให้สวยงามด้วยตราปั๊มรูปโคโรโระคุงน่ารัก ๆ เพื่อเป็นการให้สัญญาว่า จะดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ต้นนี้เป็นอย่างดี

GIY (Grow It Yourself)
เป็นมุมประดับและตกแต่งต้นไม้ โดยนำต้นไม้ที่เลือกไว้จากโซน Adopt มาตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามใจชอบ ซึ่งมีของประดับไว้ให้เลือกมากมาย เช่น ป้ายชื่อต้นไม้, ตุ๊กตาเซรามิครูปสัตว์ต่าง ๆ, หินกรวด, เม็ดทรายสีสันสดใส ฯลฯ

Gift Station
เป็นมุมของฝากสวย ๆ แนว ๆ จาก Coro Field เช่น ตะเกียบไม้, ดินสอไม้, แก้ว, ขวด, ที่คั้นน้ำผลไม้ ฯลฯ ให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกได้


3. Coro House

เป็นโรงเรือน Organic ขนาดใหญ่ ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมการเพาะปลูกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Coro Brain) จากประเทศอิสราเอล เน้นปลูกพืชด้วยความใส่ใจ ให้พืชกินดี อยู่ดี มีความสุข ใช้สรรพนามเรียกต้นพืชว่า เค้าแทนการเรียกว่า มันเพราะอยากให้ความรู้สึกเสมือนแม่ดูแลลูก ซึ่งคงไม่มีลูกคนใดที่อยากถูกเรียกว่า มันตั้งแต่เล็กจนโต มีการเปิดเพลงโมสาร์ทให้ฟังเบา ๆ รดน้ำต้นพืชด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นความโชคดีที่ขุดเจอแหล่งน้ำแร่ภายในฟาร์มแห่งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกคอยดูแลอย่างใกล้ชิด สามารถควบคุมปริมาณน้ำ ลม แสง อุณหภูมิ ความหวาน และขนาดของลูกได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และยังเป็นแหล่งให้ความรู้และเทคนิคการเพาะปลูกต่าง ๆ ด้วย ซึ่งภายในโรงเรือนจะปลูกพืช 2 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้

เมล่อนสายพันธุ์ Hokkaido มีระดับความหวานอยู่ที่ 18.5 Brix มี 2 ชนิด คือ
โทมิเมล่อน (Tomi Melon) เมล่อนเปลือกสีทอง เนื้อสีเขียว กลิ่นหอมฟุ้ง รสชาติหวานหอม เนื้อกรอบ และโยชิเมล่อน (Yoshi Melon) เมล่อนเปลือกสีเขียว เนื้อสีส้ม กลิ่นหอมละมุน รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อนุ่ม


มะเขือเทศสายพันธุ์ฮอลแลนด์ มีระดับความหวานอยู่ที่ 9.5 Brix มี 2 ชนิด คือ
มะเขือเทศสีแดง (Red Holland Cherry) รูปร่างผลมีลักษณะเป็นทรงกลม เปลือกบาง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นมะเขือเทศ และมะเขือเทศสีเหลือง (Yellow Holland Cherry) รูปร่างผลมีลักษณะเป็นทรงวงรี เปลือกหนา รสชาติหวาน แทบไม่มีกลิ่นของมะเขือเทศเลย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทานมะเขือเทศ ก็สามารถทานได้

4. Coro Garden

เป็นกิจกรรมการปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยตนเอง โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แบ่งออกเป็น 2 โซนย่อย ดังนี้

Grow Zone
เป็นกิจกรรมเรียนรู้วิธีการปลูกผักด้วยตนเอง โดยเริ่มจากขุดหลุมให้ลึกพอสมควร นำต้นกล้าวางลงไปในหลุม กลบดินให้เรียบร้อย เขียนชื่อลงในแผ่นป้าย แล้วปักไว้ข้าง ๆ ต้นกล้า เมื่อผักเติบโตขึ้นจนเก็บเกี่ยวได้ จะนำไปแบ่งปันให้กับวัด โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือคนยากไร้ ที่ต้องการนำไปบริโภค เป็นการทำประโยชน์คืนให้กับสังคมด้วย

Harvest Zone
เป็นกิจกรรมเรียนรู้วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถูกต้องด้วยตนเอง โดยจะมีชะลอมเล็ก ๆ แจกให้คนละ 1 อัน ให้เลือกเก็บมะเขือเทศสีแดงและสีเหลือง ที่สุกพร้อมทานแล้วได้ตามใจชอบ และนำกลับบ้านได้ ซึ่งวิธีการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศที่ถูกต้องนั้น จะต้องเก็บพร้อมขั้ว เพื่อยืดอายุในการเก็บรักษา ให้สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นสัปดาห์ พร้อมความสดและกรอบอร่อยดังเดิม

Phase ที่ 2 ประกอบด้วย โรงเรือน Organic ขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ยังไม่เสร็จสมบูรณ์, อาคารควบคุมการเพาะปลูกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Coro Brain) และถังพักน้ำแร่ขนาดใหญ่, โรงเรือนอนุบาลต้นกล้า, โรงเรือนเพาะปลูกผักสลัด และโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ตราผึ้งมังกร ซึ่งจะอยู่โซนด้านหลังของฟาร์ม





ใครมาเที่ยวแถวอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อย่าลืมแวะมา Coro Field ชมฟาร์มเมล่อน Organic กันนะ ไม่เสียค่าเข้าชม แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมแต่ละโซน และได้รับของที่ระลึกเก๋ ๆ กลับบ้านด้วย

ถ่ายภาพและเรียบเรียงโดย : Travel MThai , คุณWASTHERE01                    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น